มหากาพย์อุลตร้าแมน ศึกยอดมนุษย์ของ “สมโพธิ แสงเดือนฉาย”

มหากาพย์อุลตร้าแมน ศึกยอดมนุษย์ของ “สมโพธิ แสงเดือนฉาย”

ทันข่าวญี่ปุ่น 22 เมษายน 2556

Views : 3021

 

ฟ้องร้องแย่งชิงลิขสิทธิ์ยอดมนุษย์ “อุลตร้าแมน” กันมายาวนานกว่าสิบปีจนกลายเป็นมหากาพย์ระหว่างนักสร้างหนังชาวไทย “สมโพธิ แสงเดือนฉาย” กับบริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่น(โตเกียว) ในที่สุดศาลญี่ปุ่นก็เคาะออกมาแล้วว่าลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลกเป็นของสมโพธิ ซึ่งมีสิทธิในตัวอุลตร้าแมนทุกประเทศทั่วโลกยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ยุติคดีประวัติศาสตร์ซึ่งถือว่าใช้เงินในการดำเนินการฟ้องร้องและใช้เวลาในการไต่สวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากได้ข้อสรุปฮอลลีวูดบินตรงมาซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์จอยักษ์สุดอลังการ ซึ่งจะได้พระเอกผิวสีชื่อดัง “วิล สมิธ” มาแสดงนำ
       
       เป็นเวลาสิบปีเต็มสำหรับคดีแย่งสิทธิในคาแร็กเตอร์ยอดมนุษย์ชื่อดัง “อุลตร้าแมน” ที่สมโพธิถูกบริษัทซึบูราญ่าดำเนินการฟ้องร้องไม่ให้เขาดำเนินการสร้างตลอดจนนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับอุลตร้าแมนไปเผยแพร่เพราะอ้างว่าเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นแห่งนี้ ซึ่งสมโพธิที่ได้รับการมอบกรรมสิทธิ์ในตัวยอดมนุษย์ชื่อดังมาจาก “โนโบรุ ซึบูราญ่า” ลูกชายของ “เอยิ ซึบูราญ่า” อาจารย์ของสมโพธิในสมัยที่เขาไปศึกษาวิชาภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นก็ยืนยันว่าตัวเองเป็นเจ้าของไอเดียในการสร้างยอดมนุษย์อุลตร้าแมนและทุ่มเทต่อสู้ถึงขั้นต้องวางมือจากงานประจำเพื่อให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ในตัวอุลตร้าแมน

 


       
       การสืบคดีเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะสัญญาการมอบลิขสิทธิ์เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนซึ่งไม่มีลายลักษณ์อักษรหรือกระทั่งลายเซ็นของผู้มอบลิขสิทธิ์เพื่อนำมายืนยันทางกฎหมายเหมือนในปัจจุบัน มีเพียงหนังสือเอกสารเก่าๆ กับตราประทับของบริษัทซึบูราญ่าที่บอกว่าได้มอบลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นให้กับสมโพธิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
       
       และนั่นก็ทำให้การตัดสินคดีนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งฝ่ายสมโพธิและฝ่ายบริษัทญี่ปุ่นต้องงัดพยาน หลักฐานต่างๆ มาต่อสู้กันในชั้นศาลมากมาย เป็นผลให้การตัดสินคดีนี้ยืดเยื้อเกือบสิบปี มีการฟ้องร้องกันทั้งสองฝ่ายไม่ต่ำกว่าสามครั้ง จนเรื่องดำเนินมาถึงข้อสรุปที่ว่าสมโพธิเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นแต่เพียงผู้เดียวเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ซึ่งถ้าบริษัทยักษ์ใหญ่จากฮอลลีวูดไม่เดินทางมาซื้อลิขสิทธิ์จากสมโพธิตลอดจนจัดงานแถลงข่าวว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องอุลตร้าแมนภาค 4 หลายคนก็คงจะลืมหรือตลอดจนไม่เคยรู้มาก่อนว่าบทสรุปของคดีนี้คือสมโพธิเป็นผู้ชนะ ซึ่งเท่ากับว่าเจ้าของอุลตร้าแมนที่แท้จริงก็คือคนไทยนั่นเอง

       
       ชัยชนะของ “สมโพธิ”
       30 กันยายน พ.ศ. 2553 วงการภาพยนตร์โลกต้องบันทึกเอาไว้ว่าคดีประวัติศาสตร์ที่มีการดำเนินการฟ้องร้องต่อสู้เพื่อชิงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นนั้นเดินทางมาถึงบทสรุปที่เคาะโดยศาลสูงในประเทศญี่ปุ่นว่าสิทธิในตัวอุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดตกเป็นของนักสร้างภาพยนตร์ชาวไทย “สมโพธิ แสงเดือนฉาย”
       
       ศาลญี่ปุ่นนั่งบัลลังก์ตัดสินให้บริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่นส์ จำกัด(โตเกียว) ต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่สมโพธิเป็นเงินจำนวน 16 ล้านเยน และสั่งให้บริษัทซึบูราญ่าฯสูญเสียสิทธิที่จะใช้คาแร็กเตอร์อุลตร้าแมนทุกที่ทั่วโลกยกเว้นประเทศญี่ปุ่น


       
       ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาที่ 10273 บอกว่าศาลแขวงกรุงโตเกียวได้มีคำสั่งให้จำเลยจ่ายเงินค่าเสียหายแก่โจทก์เพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่ได้จากผลประโยชน์ต่างๆ เช่น การให้ไลเซนส์ การใช้สิทธินอกประเทศญี่ปุ่นจำนวน 16,363,636 เยน นับตั้งแต่วันที่ 26 เดือนมิถุนายน 2549 พร้อมดอกเบี้ยปีละ 5% จนกว่าจะชำระหมด
       
       นอกจากนั้น คำสั่งของศาลโตเกียวยังส่งผลให้บริษัทซึบูราญ่าโปรดักชั่นส์ จำกัด (โตเกียว) ต้องหยุดทำธุรกรรมต่างๆ เพราะไม่มีสิทธิใดๆ ในประเทศไทยแล้ว นอกจากนั้น ศาลแขวงกรุงโตเกียวญี่ปุ่นยังบังคับไม่ให้บริษัทสร้างหนังของญี่ปุ่นแห่งนี้ ออกไปดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
       
       นี่คือชัยชนะของสมโพธิหลังจากที่ก่อนหน้านี้เขามีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับการแย่งชิงลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนกับบริษัทซึบูราญ่าฯมาแล้วถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546 ที่บริษัทสร้างหนังชื่อดังของญี่ปุ่นดำเนินการฟ้องสมโพธิเพราะต้องการลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นกลับมาเป็นของตัวเอง หลังจากที่ยอดมนุษย์จากกาแล็กซีเนบิวล่า M 78 กลับมาโด่งดังระเบิดไปทั่วโลก โดยอ้างว่าหนังสือสัญญาการโอนลิขสิทธิ์ที่สมโพธิถือครองอยู่เป็นของปลอม แต่การต่อสู้ในชั้นศาลครั้งนั้นสมโพธิเป็นฝ่ายชนะและได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
       
       แต่เรื่องมาเข้มข้นเมื่อซึบูราญ่าไม่ยอมแพ้ หลังจากเห็นสมโพธิสร้างอุลตร้าแมนตัวใหม่ขึ้นมาได้แก่ อุลตร้าแมนมิลเลเนี่ยม, อุลตร้าแมนอีลิท และยังสร้างซีรีส์โปรเจกต์อุลตร้าแมนโดยมีดาร์คอุลตร้าเป็นตัวใหม่ขึ้นมาอีกตัว ซึบูราญ่าฯก็เต้นผ่างไปฟ้องต่อศาลที่ประเทศไทยเพื่อยับยั้งไม่ให้สมโพธิสร้างอุลตร้าแมนตัวใหม่แตกยอดจากอุลตร้าแมนชุดเก่าที่สมโพธิได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในการตัดสินคดีครั้งนั้นซึบูราญ่าเป็นผู้ชนะคดีเป็นเหตุให้สมโพธิต้องระงับโปรเจกต์อุลตร้าแมนตัวใหม่รวมถึงซีรีส์อุลตร้าแมนที่ลงทุนไปแล้วมหาศาลอีกด้วย
       
       ความพ่ายแพ้ของสมโพธิในครั้งนั้นเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องครั้งสุดท้ายเพื่อให้ศาลทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดไปเลยว่าลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นซึ่งนำมาซึ่งรายได้มหาศาลหลักพันล้านบาทต่อปีนั้นเป็นของใครกันแน่ระหว่างสมโพธิกับบริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่นส์ จำกัด(โตเกียว) ซึ่งสมโพธิยื่นฟ้องบริษัทซึบูราญ่าต่อศาลโตเกียว ในขณะที่บริษัทซึบูราญ่าเองก็ฟ้องกลับสมโพธิต่อศาลที่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ศาลที่กรุงเทพฯ ยกฟ้องไป จึงเหลือเพียงคดีที่ศาลโตเกียวต้องทำหน้าที่ไต่สวนซึ่งมาได้ข้อสรุปว่าสมโพธิเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมานี่เอง
       ย้อนกลับไปเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ที่มาที่ไปของมหากาฬพย์การฟ้องร้องที่ยืดเยื้อเรื้อรังครั้งนี้มาจากไอเดียที่ผุดแวบขึ้นมาในหัวของสมโพธิ ซึ่งกลายมาเป็นชนวนในการแย่งชิงสิทธิในตัวอุลตร้าแมนในเวลาต่อมา น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอุลตร้าแมนถือกำเนิดจากความคิดฝันและจินตนาการของเด็กชายที่อาศัยอยู่ในวัดซึ่งมีนามว่า “สมโพธิ แสงเดือนฉาย” คนนี้นั่นเอง
       
       ต้นกำเนิดอุลตร้าแมน
       “สมโพธิ แสงเดือนฉาย” เกิดเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2484 เป็นบุตรของบิดาชาวจีนที่อพยพมาจากมณฑลกวางตุ้ง กับมารดาชาวอยุธยา สมโพธิเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ จากนั้นก็ย้ายไปอยู่จังหวัดอยุธยา บิดาประกอบธุรกิจโรงงานน้ำแข็ง ชีวิตในวัยเด็กของสมโพธิจะคุ้นเคยกับโบราณสถาน โบราณวัตถุทั้งวัดวาอารามและพระพุทธรูปเป็นอย่างมากเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากบ้าน สมโพธิกับเพื่อนๆ จึงไปเดินเล่นตามโบราณสถาน ได้เห็นได้สัมผัสโบราณสถาน พระพุทธรูปมาตั้งแต่วัยเยาว์
       
       ภาพพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่นิ่งสงบและดูหนักแน่นแข็งแรงนั่นเองที่ฝังอยู่ในความทรงจำของสมโพธิมาตลอด ถึงขั้นเคยนั่งจินตนาการเล่นๆ ตอนที่อยู่ที่วัดเก่าแห่งหนึ่งว่าถ้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ทั้งหลายมีชีวิตสามารถเดินเหินเหมือนคนทั่วไปได้จะเป็นอย่างไร ซึ่งสมโพธิก็เก็บจินตนาการนั้นเอาไว้ในใจเรื่อยมา
       
       ในยุคนั้นภาพยนตร์ญี่ปุ่นได้เริ่มแผ่อิทธิพลเข้ามาในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับอิทธิผลจากภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดบุกโลกของญี่ปุ่นเข้าเต็มๆ เรียกว่าเด็กผู้ชายทั่วประเทศถึงกับหลงใหลคลั่งไคล้สัตว์ประหลาดรูปร่างใหญ่โตอย่างก็อตซิลล่า กาเมร่า กันทั้งเมือง สมโพธิเองก็เป็นหนึ่งในเด็กที่ชื่นชอบสัตว์ประหลาดตัวใหญ่และแอบคิดฝันเล่นๆ ว่าถ้ามียอดมนุษย์ที่ร่างกายใหญ่โตออกมาสู้กับสัตว์ประหลาดได้คงจะสนุกไม่น้อย
       
       ความชื่นชอบในศิลปะภาพถ่ายและภาพยนตร์ซึ่งเป็นศาสตร์ที่กำลังบูมในยุคนั้นทำให้สมโพธิเข้าศึกษาทางด้านการถ่ายภาพและภาพยนตร์ที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ และได้คะแนนดีเป็นอันดับต้นๆ เมื่อสำเร็จการศึกษา สมโพธิเข้าทำงานฝ่ายภาพยนตร์โฆษณาของธนาคารออมสิน ด้วยทักษะฝีมือและความรักความชอบที่ฉายแววโดดเด่น ทำให้หลังจากทำงานไปได้เพียงไม่กี่ปี สมโพธิก็ได้รับทุนจากธนาคารออมสินที่ร่วมกับธนาคารมิตซุยไปให้ไปศึกษาต่อด้านภาพยนตร์กับบริษัทโตโฮ โปดักชั่นส์ ซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังที่ทำภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดในยุคนั้นที่ประเทศญี่ปุ่น
       
       การเดินทางไปศึกษาต่อ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นกับบริษัทผลิตภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดชื่อดังนี้เองที่ทำให้สมโพธิได้มีโอกาสพบกับผู้กำกับ ผู้สร้างหนังฝีมือดีของญี่ปุ่นมากมาย โดยเฉพาะอาจารย์เอยิ ซึบูราญ่า ซึ่งเป็นอาจารย์หมายเลขหนึ่งที่สอนวิชาการทำภาพยนตร์ให้สมโพธิ และสมโพธิเองก็ให้ความเคารพอาจารย์เอยิเสมอมา
       
       ความสัมพันธ์ระหว่างสมโพธิกับอาจารย์เอยิเป็นไปด้วยดี อาจารย์เอยิรักและดูแลสมโพธิเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง ในขณะที่อาจารย์เอยิเองก็มีลูกชายที่อายุมากกว่าสมโพธิชื่อ “โนโบรุ” ซึ่งสมโพธิกับโนโบรุก็รักและนับถือกันเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ เลยทีเดียว
       
       หลังจากศึกษาด้านภาพยนตร์ที่บริษัทโตโฮ โปรดักชั่นส์จนจบ สมโพธิก็ได้รับการชักชวนให้ไปทำงานกับอาจารย์เอยิ ที่บริษัทซึบูราญ่าที่อาจารย์เอยิเพิ่งก่อตั้งมา ซึ่งสมโพธิก็ตอบรับคำชวนนั้นและมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่นส์ จำกัด(โตเกียว) ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก ช่วงนั้นซึบูราญ่าผลิตหนังสัตว์ประหลาดเป็นหลักตามความนิยมของผู้ชมและตลาดในยุคนั้น แต่สมโพธิได้เสนอไอเดียที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วัยเยาว์แก่อาจารย์เอยิที่ว่าถ้ามียอดมนุษย์ร่างยักษ์ออกมาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดน่าจะสนุกมากขึ้น ซึ่งอาจารย์เอยิเองก็สนใจข้อเสนอของสมโพธิไม่น้อย
       
       หลังจากนั้นโปรเจกต์การสร้างยอดมนุษย์ร่างใหญ่เท่าสัตว์ประหลาดของซึบูราญ่าก็ถือกำเนิดขึ้น โดยมีทีมงานมากมายที่ช่วยกันส่งภาพสเกตช์ยอดมนุษย์ในจินตนาการมาให้อาจารย์เอยิคัดเลือก ซึ่งยอดมนุษย์ที่มีต้นแบบมาจากพระพุทธรูปปางเปิดโลกของสมโพธิก็เป็นหนึ่งในแบบที่ถูกส่งไปให้อาจารย์เอยิคัดเลือกด้วย
       
       ในที่สุดอาจารย์เอยิและทีมผู้สร้างก็เลือกภาพสเกตช์ที่ต่อยอดมาจากใบหน้าพระพุทธรูปที่สมโพธิเสนอ และนั่นก็เป็นต้นแบบของอุลตร้าแมนตัวแรกที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
       ภาพยนตร์อุลตร้าแมนประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงตั้งแต่ปีแรกที่ฉาย เด็กผู้ชายทั่วญี่ปุ่นและทั่วเอเชียต่างชื่นชอบและคลั่งไคล้ยอดมนุษย์ตัวใหม่ไปตามๆ กัน
       
       เวลาผ่านไป สมโพธิกลับมาเปิดบริษัทสร้างภาพยนตร์ของตัวเองที่ประเทศไทยในชื่อบริษัทไชโย โปรดักชั่นส์ โดยนำเอาวิชาความรู้ที่ได้มาจากซึบูราญ่าในการผลิตภาพยนตร์ในแนวทางที่ตัวเองชื่นชอบนั่นคือหนังสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยเทคนิคมากมายที่ถือว่าทันสมัยที่สุดในยุคนั้น โดยหนังที่สมโพธิสร้างในยุคแรกๆ ได้แก่ ท่าเตียนซึ่งเป็นหนังที่เกี่ยวกับพญานาคและตำนานการเกิดท่าเตียน หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ซึ่งเป็นการนำเอาตัวละครเอกจากเรื่องรามเกียรติอย่างหนุมานมาพบกับ 7 ยอดมนุษย์ซึ่งก็คืออุลตร้าแมนที่เขาเป็นเจ้าของไอเดียนั่นเอง หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทำรายได้ถล่มทลายและกลายเป็นกระแสที่ทำให้คนพูดถึงไปนาน
       
       เมื่อถึงยุคที่หนังแนวสัตว์ประหลาดและยอดมนุษย์เริ่มเสื่อมความนิยม หนังชุดอุลตร้าแมนของซึบูราญ่าก็เริ่มไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป ประกอบกับการเสียชีวิตของอาจารย์เอยิทำให้ทิศทางของซึบูราญ่าเริ่มส่อเค้าไม่ดี ตอนนั้นเองที่โนโบรุ ลูกชายของอาจารย์เอยิเริ่มนึกถึงสมโพธิซึ่งเป็นเสมือนพี่น้องร่วมสาบานของเขาซึ่งกลับมาเปิดบริษัทที่ประเทศไทยนานแล้ว

 


       
       หนังสือมอบสิทธิเจ้าปัญหา
       ภาวะประสบปัญหาทางด้านการเงินที่โนโบรุกับบริษัทซึบูราญ่าประสบซึ่งหนี้สินส่วนใหญ่มาจากตอนที่อาจารย์เอยิยังมีชีวิตอยู่ซึ่งเขาติดหนี้กับบริษัทโตโฮ โปรดักชั่นส์ ส่งผลให้บริษัทซึบูราญ่ากำลังจะไปไม่รอด ในช่วงเวลาแห่งวิกฤตนั้นเองที่โนโบรุตัดสินใจเดินทางมาปรึกษาสมโพธิที่กำลังประสบความสำเร็จกับการสร้างหนังของตัวเองที่เมืองไทย ตอนนั้นโนโบรุบอกกับสมโพธิว่าจะขายโรงถ่ายภาพยนตร์เพื่อหาเงินไปใช้หนี้ก้อนโต แต่สมโพธิซึ่งอยู่กับซึบูราญ่ามายาวนานเกิดความเสียดายจึงเอ่ยปากให้โนโบรุยืมเงินจำนวน 16.2 ล้านเยนเพื่อไปสร้างหนังต่อ
       
       ภาพยนตร์ยอดมนุษย์ตัวใหม่เรื่องจัมโบ้ เอ ที่ซึบูราญ่าสร้างขึ้นมาเพื่อกอบกู้วิกฤตโดยใช้เงินลงทุนที่หยิบยืมมาจากสมโพธิประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รายได้รวมเกินกว่า 100 ล้านเยนจากการฉายทั่วเอเชีย โดยนอกจากจะให้ยืมเงินลงทุนแล้ว สมโพธิยังให้โนโบรุยืมสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทยอีกด้วย
       
       หลังจากที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ สภาวะทางเศรษฐกิจของซึบูราญ่าฯก็ฟื้นกลับมา ซึ่งโนโบรุได้เจรจากับสมโพธิว่าจะขอมอบหนังสือสัญญาการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นแก่สมโพธิเป็นการชดใช้แทนจำนวนเงินที่สมโพธิได้ให้ยืมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งในตอนแรกสมโพธิเองก็ยังไม่เห็นว่าการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นจะทำเงินให้เขาได้อย่างไรด้วยซ้ำ
       
       “ผมให้เขายืมไป 16.2 ล้านเยน หนังประสบความสำเร็จจนสร้างเรื่องที่ 2 ได้ ขายลิขสิทธิ์ให้กับต่างประเทศไปฉายทั่วโลก ได้เงินไปร่วม 100 ล้านเยน เขาก็มาบอกผมว่าเขาขอไม่คืนเงินนะ แต่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้แทน ผมก็เลย ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นี้โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยอยากได้” สมโพธิเล่า
       
       หนังสือสัญญาในอดีตไม่มีการเซ็นรับรองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนในปัจจุบัน มีเพียงตราประทับของบริษัทซึบูราญ่ากับการเขียนมอบโอนลิขสิทธิ์ด้วยภาษาที่เข้าใจกันเพียงคนวงใน และนั่นก็ทำให้หนังสือมอบสิทธิฉบับนี้กลายมาเป็นหลักฐานที่ต้องมีการไต่สวนสืบค้นเป็นอย่างมากเพื่อที่จะสามารถมารองรับได้ว่าซึบูราญ่าได้มอบกรรมสิทธิ์ในตัวอุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นให้แก่สมโพธิแล้วจริงๆ
       
       หลังจากที่ซึบูราญ่าฯกลับไปสร้างภาพยนตร์ในแนวทางของตัวเอง ทั้งจัมโบ้ เอและอุลตร้าแมน ส่วนสมโพธิกับไชโย โปรดักชั่นส์ก็ผลิตภาพยนตร์ทั้งเรื่องจระเข้และหนุมานพบ 5 ไอ้มดแดง และหนุมานพบ 11 ยอดมนุษย์ซึ่งเป็นอุลตร้าแมนตัวใหม่ๆ ที่สมโพธิคิดค้นขึ้นมาซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของชนวนแตกหักระหว่างสมโพธิกับซึบูราญ่า เมื่อซึบูราญ่าเองก็จะสร้างอุลตร้าแมนป้อนตลาดต่างประเทศ ส่วนสมโพธิเองก็มีโปรเจกต์สร้างอุลตร้าแมนร่วมทุนกับประเทศจีน สิทธิในการสร้างอุลตร้าแมนซึ่งเป็นยอดมนุษย์ที่โด่งดังมากที่สุดและทำเงินมากที่สุดขณะนั้นจึงกลายมาเป็นเรื่องที่ต้องมีการตัดสินกันว่าเป็นของใครกันแน่
       
       การต่อสู้ตลอด 10 ปี
       สมโพธิยอมรับว่าตลอดระยะเวลาสิบปีเต็มๆ ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอยู่ที่ศาลมากกว่าที่บ้าน หลังจากที่ซึบูราญ่าฯส่งเรื่องฟ้องร้องให้สมโพธิยุติการสร้างอุลตร้าแมนเพราะอ้างว่าเขาไม่มีสิทธิในคาแรกเตอร์ยอดมนุษย์เหล่านี้ ซึ่งสมโพธิก็นำหนังสือมอบสิทธิที่โนโบรุมอบให้เขามายืนยัน แต่เรื่องมาถึงจุดแตกหักเมื่อศาลทำการไต่สวนสืบพยานมาถึงตัวโนโบรุ แต่โนโบรุกลับให้การว่าหนังสือฉบับนั้นเป็นของปลอม และเขาไม่ได้รู้จักกับสมโพธิ นั่นทำให้สมโพธิรู้สึกผิดหวังและเสียความรู้สึกกับโนโบรุและบริษัทซึบูราญ่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
       
       “ถ้าไม่มีคดีการฟ้องร้องอย่างนี้ ผมก็ไม่เปิดเผยตัวแน่ เพราะผมให้เกียรติอาจารย์ของผมเสมอ และการที่ได้ลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียวนั้น มันก็มีที่มาและมีเอกสารการโอนลิขสิทธิ์โดยลูก ชายของอาจารย์ เอยิ ซึบูราญ่า อย่างถูกต้อง” สมโพธิยืนยัน
       
       มันเป็นเวลาสิบปีที่ยากลำบากเป็นอย่างมากเพราะสมโพธิต้องต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่ศาลในประเทศญี่ปุ่น เขาต้องเลิกการสร้างภาพยนตร์ตลอดช่วงเวลาที่ต่อสู้ในชั้นศาล เสียเงินค่าจ้างทนายความฝีมือดีไปทั้งหมด 80 ล้านบาทโดยว่าจ้างทนายความหลายสัญชาติทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย มาว่าความให้ นอกจากนั้นเขายังต้องตระเวนไปหาพยานทุกปากที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้กว่า 400 คน ต้องเดินทางไปกลับระหว่างญี่ปุ่นกับไทยเป็นร้อยรอบ โดยที่ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเองจะชนะคดีนี้หรือไม่
       
       ท้ายที่สุดแล้วนอกจากคำตัดสินของศาลสูงสุดญี่ปุ่นจะให้สมโพธิเป็นฝ่ายชนะคดี ได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายจากซึบูราญ่าฯและได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่น โดยคาแรกเตอร์อุลตร้าแมนที่สมโพธิเป็นเจ้าของนอกประเทศญี่ปุ่นมีทั้งหมด 7 ตัว ได้แก่ อุลตร้าแมน ,อุลตร้าแมนโซฟี่, อุลตร้าเซเว่น, อุลตร้าแมนแจ็ค, อุลตร้าแมน เอซ, อุลตร้าแมนทาโร่ และ เจ้าแม่อุลตร้า ซึ่งเป็นตัวละครที่ปรากฏในหนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์นั่นเอง
       
       คดีชิงความเป็นเจ้าของคาแรกเตอร์อุลตร้าแมนระหว่างสมโพธิกับซึบูราญ่าเป็นคดีประวัติศาสตร์เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายตลอด 10 ปีที่ผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นคดีที่มีการสืบพยานมากที่สุดคดีหนึ่ง เพราะทั้งสองฝ่ายได้อ้างพยานของตนเพื่อสืบพยานรวมแล้ว 693 อันดับ ฝ่ายโจทก์อ้างพยาน 335 อันดับ ขณะที่ฝ่ายจำเลยอ้างพยาน 358 อันดับ อีกทั้งเป็นคดีแรกที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ทำการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพจากสตูดิโอวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของ กสท. ด้วยการเบิกความผ่านล่ามโดยที่พยานเบิกความจากห้องส่งของศูนย์โทรคมนาคม บริษัท เคดีดี กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยในการสืบพยานนานติดต่อกันถึง 2 ปีเต็มนั้น บางครั้งศาลต้องนั่งพิจารณาคดีตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น.เลยทีเดียว
       
       อนาคตอุลตร้าแมนในมือ “สมโพธิ”
       ทุกวันนี้สมโพธิมีรายรับจากการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนนอกประเทศญี่ปุ่นถึงปีละพันล้านบาท บ้านชั้นเดียวที่เขาพักอยู่เต็มไปด้วยของสะสมอุลตร้าแมนจำนวนหลายแสนชิ้น ซึ่งถ้านำไปตีราคาก็สามารถซื้อรถเบนซ์ราคาดีได้มากกว่าห้าคันเลยทีเดียว
       
       “ผมเก็บมาตั้งแต่ชิ้นแรกที่เป็นต้นแบบหน้าของอุลตร้าแมน สมัยเมื่อปี ค.ศ.1964 (พ.ศ.2507) ผมจะเป็นคนที่เก็บทุกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ อุลตร้าแมน ไม่ใช่แค่สินค้าที่มีจำหน่ายทั่วโลกเท่านั้น ที่ผมขอให้บริษัทที่เขา ขอซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตส่งกลับมาให้เก็บสะสม”
       
       “แม้แต่อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายหนัง หรือรูปถ่าย โปสเตอร์ต่างๆ ผมก็เก็บไว้หมด และสิ่งของเหล่านี้ก็สามารถช่วยทำให้ศาลได้รับรู้ว่าผมไม่ได้ โกหกเลย ว่าลิขสิทธิ์ที่ผมเป็นเจ้าของทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นี่ถ้าไม่เก็บ โดนฟ้องอย่างนี้ก็แย่ซิ และผมก็ได้ตรงนี้นี่แหละที่ ช่วยได้ เพราะเชิญศาลไปสืบพยานกันถึงที่โรงถ่าย ซึ่งเป็นบ้านที่เก็บของพวก นี้เลยก็ว่าได้”


       
       อนาคตสมโพธิมีโครงการจะสร้างพิพิธภัณฑ์อุลตร้าแมนขึ้นใกล้ๆ โรงถ่ายภาพยนตร์ของบริษัทไชโย โปรดักชั่นส์ ปทุมธานี โดยเขาคิดเอาไว้ว่าจะให้ตัวอาคารมีความสูงอลังการโดดเด่นถึง 48 เมตร ภายใต้เนื้อที่กว่า 300 ไร่ และคิดเอาไว้ว่าจะให้ชื่อ “เมืองยอดมนุษย์อุลตร้าแมน” โดยที่เขาอยากจะทำอาคารสัตว์ประหลาดที่มีความสูงใกล้เคียงกันเอาไว้ข้างๆ ด้วย
       
       หลังจากโปรเจกต์อุลตร้าแมน 2007 ซึ่งทางบริษัทไชโย โปรดักชั่นส์ได้ร่วมทุนกับบริษัทรุยชิเดเวลอปเมนต์ของจีนสร้างขึ้นมาเป็นซีรส์ที่สุดอลังการ โดยได้บริษัทอาร์เอสเป็นผู้ประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการมีอันต้องพับไป เนื่องจากตอนนั้นบริษัทซึบูราญ่าทำการฟ้องร้องไม่ให้สมโพธิสร้างคาแรกเตอร์อุลตร้าแมนที่นอกเหนือจากอุลตร้าแมน 7 ตัวแรกซึ่งซึบูราญ่าก็ชนะคดี ทำให้โปรเจกต์อุลตร้าแมน 2007 ที่สมโพธิกับบริษัทของจีนร่วมทุนกันสร้างมาอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี “เร แมคโดนัล” กับ “พอลลา เทเลอร์”แสดงนำต้องเป็นหมัน แม้จะผลิตมาอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาและใช้เงินลงทุนมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกฉายเพราะกฎหมายห้ามมิให้สมโพธิผลิตอุลตร้าแมนตัวอื่นนอกเหนือจาก 7 ตัวที่เขาเป็นเจ้าของนอกประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
       
       แต่ล่าสุดสมโพธิก็ได้เฮลั่นเมื่อทีมงานจากฮอลลีวูดบินตรงมาติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์อุลตร้าแมนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ทั้งมิสเตอร์ ลี ผู้ได้ลิขสิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องอุลตร้าแมน และมิเตอร์เลน เชอร์แมน นักสร้างภาพยนตร์ทีวีสหรัฐฯ ที่จะนำอุลตร้าแมนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดภายที่จะได้ “วิล สมิธ” ดาราชื่อดังแสดงนำ
       
       คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าอนาคตของอุลตร้าแมนในมือเจ้าของที่แท้จริงอย่าง “สมโพธิ แสงเดือนฉาย” จะเป็นอย่างไร โดยประเดิมกันที่ภาพยนตร์อุลตร้าแมน ฝีมือฮอลลีวูดที่มีกำหนดจะลงโรงฉายในปี ค.ศ. 2014 เรื่องนี้นั่นเอง
       .............................................
       
       ที่มา นิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 185 วันที่ 20-26 เมษายน 2556
       
       อุลตร้าแมน เป็นใคร!? (จากวิกิพีเดีย) 
       ยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน เป็นทีวีซีรีส์ชุดแรกของทีวีซีรีส์อุลตร้าซีรีส์ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับ"ชิน ฮายาตะ"ที่ตายเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการตามล่าสัตว์ประหลาดของอุลตร้าแมน ยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน มนุษย์ต่างดาวจากกาแล็กซีเนบิวล่า M78 จึงเลือกตัวเขาเป็นร่างสถิตเพื่อคืนชีวิตให้ ฮายาตะสามารถแปลงร่างเป็นอุลตร้าแมนได้โดยการชูและกดปุ่มที่ "เบต้าแคปซูล" และมีเวลาในการปราบสัตว์ประหลาดจากนอกโลกขนาดยักษ์ 3 นาที ในระหว่างนั้นเขายังทำหน้าที่อยู่ในหน่วยกองกำลังพิทักษ์ที่ชื่อ หน่วยวิทยะ หรือ SSSP(Science Special Search Party) อีกด้วย มีจำนวนตอนทั้งหมด 39 ตอน
       ลักษณะสำคัญ
       ร่างกายเป็นสีเงินและมีลวดลายบนลำตัวเป็นสีแดง ใบหน้ารูปไข่มีความละม้ายกับรูปปั้นพระพุทธรูปของชาวโลก ดวงตากลมใหญ่เปล่งแสงได้ในขณะต่อสู้หรือใช้พลังจิต สัณฐานของร่างกายคล้ายมนุษย์แต่ใหญ่โตกว่า สูงกว่ามนุษย์ถึง 20 เท่า และมีน้ำหนักมากกว่ามนุษย์ถึง 400,000 เท่า ที่หน้าอกจะมีปุ่มวงกลมเป็นสัญญาณแจ้งสถานะการอยู่/ปรากฏร่างบนโลก อุลตร้าแมนสามารถอยู่บนโลกได้เป็นเวลา 3 นาที เมื่อครบ 3 นาที ปุ่มแจ้งเตือนกลางหน้าอกที่เรียกกันว่า คัลเลอร์ ไทเมอร์ จะเปลี่ยนสีน้ำเงินเป็นสีแดง พร้อมส่งเสียงและกะพริบแสดงให้เห็นว่าอุลตร้าแมนไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากความไม่เหมาะสมของสภาพแวดล้อมบนโลกนั่นเอง
       ประวัติ
       อุลตร้าแมนติดตามสัตว์ประหลาด เบมูล่ามาจนถึงโลกมนุษย์และประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฮายาตะเจ้าหน้าที่วิทยะ SSS เสียชีวิต เขาจึงมอบชีวิตให้กับฮายาตะ และมอบเบต้าแคปซูลใว้ให้ เพื่อที่ฮายาตะจะได้แปลงร่างเป็นเขาเมื่อมีผู้ประสงค์ร้ายมารุกรานโลก อุลตร้าแมนอยู่คุ้มครองโลกจนกระทั่งพ่ายแพ้ให้กับเซตตอนจึงกลับดาวอุลตร้า
       ข้อมูลจำเพาะ
       ความสูง : 40 เมตร
       น้ำหนัก : 35,000 ตัน
       อายุ : 20,000 ปี
       ความเร็วในการบิน : 5 มัค
       พลังกระโดด : 800 เมตร
       ความเร็วในการเคลื่อนที่ในน้ำ : 200 นอต
       พลังยก : มากกว่า 100,000 ตัน
       ตำแหน่ง : หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ทางช้างเผือก
       ดาวบ้านเกิด : ดาวอุลตร้า นครแห่งแสง เนบิวล่า M78
       ท่าไม้ตาย : แสงสเปเซียม, อุลตร้าสแลซ, พลังแสงน้ำอุลตร้า, อุลตร้าไซโคคิเนซิส, เทเลพอเทชั่น
       การป้องกัน : รีบาวด์บีม
       มาโลกครั้งแรก : ค.ศ. 1966
       อุปกรณ์การแปลงร่าง : เบต้าแคปซูล (Beta Capsule)
       ร่างมนุษย์ : ชิน ฮายาตะ สมาชิกหน่วย SSS

 

 

ที่มา: Manager-online

勉強 [benkyo]

ความหมาย : การเรียน