เพราะอะไรภาษาญี่ปุ่นถึงยาก

เพราะอะไรภาษาญี่ปุ่นถึงยาก

ข้อมูลญี่ปุ่น 3 เมษายน 2561

Views : 4589

 

ทำไมภาษาญี่ปุ่นถึงเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ยาก?

มาลองดูเหตุผลบางส่วนกันดีกว่า

 

 

 

ปัญหาไม่ใช่ไวยากรณ์

 

ผู้ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะพูดทำนองว่า " ไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นยากมากๆ " จริงๆแล้วไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นง่ายมาก และวิธีการใช้ก็ชัดเจน ปัญหาของภาษาญี่ปุ่นก็คือ การใช้งาน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบริบทต่างๆเป็นส่วนใหญ่ เช่น จะพูดว่า"สวัสดี" อย่างไรในภาษาญี่ปุ่น? ในหนังสือส่วนใหญ่ก็จะบอกให้พูดว่า "คอนนิจิวะ" (こんいちは)ซึ่งจะเป็นการพูดทักทายในช่วงกลางวัน แต่ความจริงแล้ว ภาษาญี่ปุ่นไม่มีคำว่า "สวัสดี" ที่ใช้ทั่วไป เพราะตามมารยาททางสังคมแล้ว การทักทายผู้อื่นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งช่วงกลางวัน คนที่กำลังคุยด้วย และระดับทางสังคมของคนที่คุยด้วย

 

 

โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีปัจจัยหลักๆอยู่สองอย่างคือ ระดับความเป็นทางการและการแสดงสถานะทางสังคมของผู้พูด ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการจะพูดว่า " ดิชั้น อาจารย์ยามาดะ " ถ้าคนฟังและคนพูดเป็นเพื่อนกัน จะถือว่าเป็นการพูดแบบเป็นกันเอง แต่เนื่องจากครูและอาจารย์ที่กำลังถูกพูดถึง คือ คนที่มีสถานะสูงกว่า เวลาจะพูดต้องมีระดับทางภาษาที่มีความสุภาพ ดังนั้นควนจะพูดว่า " 山田先生にお目にかかった " ยามาดะเซนเซนิโอเมะนิคาคารุ คำว่า โอเมะนิ คาคารุ お目にかかる คือ วิธีพูดของคำว่า "ฉันได้พบ"  ในระดับยกย่อง เนื่องจากสถานะของคุณยามาดะสูงกว่า แต่การลงท้ายด้วยนคำว่า "ตะ ーた"  คือรูปอดีตแบบไม่เป็นทางการ เพราะคุณกำลังพูดอยู่กับเพื่อน ซึ่งนี่คือ สิ่งที่ทำให้ภาษาญี่ปุ่นซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่การเลือกใช้ให้เหมาะสมเป็นส่วนที่ยากที่สุด

 

ระบบการเขียนน่าจะซับซ้อนที่สุดในโลก 

 

ภาษาญี่ปุ่นไม่มีระบบการเขียนจนกระทั่งไปรับและปรับมาจากตัวอักษรจีน ตัวภาษาและระบบการเขียนของภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เป็นในทิศทางเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการอ่านคันจิแบบจีนแต่ละตัวก็ถูกควบคู่ไปกับการอ่านแบบภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย พูดง่ายๆก็คือ คันจิตัวเดียวสามารถอ่านได้มากกว่าหนึ่งแบบ ยกตัวอย่างเช่น  牛 ถ้าใช้คำว่า กิวนิว (牛乳)ตัว จะอ่านว่า กิว ซึ่งก็คือ วัว แต่ถ้าเราจะพูดถึงวัว คันจิตัวนี้จะอ่านว่า อูชิ (牛)ซึ่ง "กิว" คือการอ่านแบบจีน ส่วน "อูชิ" คือวิธีการอ่านแบบญี่ปุ่น 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไวยากรรืภาษาญี่ปุ่นจะมีคำเสริมท้าย ( Suffix ) เป็นส่วนใหญ่ ( หมายถึงส่วนเติมเต็มที่เข้ามาเสริมในท้ายประโยค ) นักวิชาการภาษาญี่ปุ่นจึงสร้างระบบการเขียนขึ้นมาใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นคำเสริมท้ายเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าอยากเรียนภาษาญี่ปุ่น จะต้องเรียนระบบการเขียนที่เป็นอิสระจากกันถึง 3 แบบ 

 

พลังของคนต่างชาติ 

 

ถ้าชาวต่างชาติที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่น แสดงว่ามีความสามารถพิเศษที่เรียกว่า " พลังของชาวต่างชาติ " คนญี่ปุ่นจะไม่ตำหนิติเตียนชาวต่างชาติที่กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่น และไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเรื่องระดับของภาษาเวลาสนทนา เพราะคนญี่ปุ่นมักจะให้อภัยเวลาชาวต่างชาติใช้ภาษาญี่ปุ่นผิด เพราะฉะนั้นก็ขอให้พยายามเต็มที่ และอย่ากังวลมากจนเกินไป 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา: http://jpninfo.com/thai/5578

ラーメン [ raamen ]

ความหมาย : ราเมน, บะหมี่