ประตูโทริอิสีแดงเรียงรายมากมายที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ศาลเจ้าชื่อดังแห่งเกียวโต
หลังเปิดฟรีวีซ่า ญี่ปุ่น ประเทศที่เนื้อหอมสำหรับคนไทยอยู่แล้ว ก็ได้พุ่งทะยานขึ้นเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทยอย่างไม่ยากเย็น ด้วยความที่ญี่ปุ่นยุคนี้ไปง่ายและไม่ต้องเสียค่าวีซ่า ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” ไม่รีรอหาวันเวลาเหมาะๆ แล้วเดินทางเหินฟ้าสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัยไปกับสายการบิน“ทรานส์ เอเชีย” ในเส้นทางใหม่ “สุวรรณภูมิ-โอซากา” |
||||
เกียวโต อัญมณีแห่งญี่ปุ่นตะวันตก หลังลัดฟ้าจากเมืองไทยมาถึงยังเมืองโอซากาที่สนามบินนานาชาติคันไซ “ตะลอนเที่ยว” กับคณะออกเดินทางต่อไปยังเมือง "เกียวโต" เมืองที่เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งญี่ปุ่นตะวันตกอันเป็นที่รักจากทั่วโลกซึ่งหลายคนใฝ่ฝันอยากมาเยือน |
||||
มนต์เสน่ห์เกียวโตมีปรากฏให้เห็นผ่านวิถีและภูมิทัศน์ที่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมซึ่งมีอุดมอยู่ทั่วไป ผ่านผู้คน วิถีวัฒนธรรม อาหารการกิน อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรม พระราชวัง โดยเฉพาะวัดและศาลเจ้าที่มีอยู่ทุกมุมเมือง |
||||
สำหรับหนึ่งในวัดอันโด่งดังประจำเมืองเกียวโตที่ไม่ควรพลาดการไปเยือนด้วยประการทั้งปวงก็คือ “วัดคิโยมิสึ”(Kiyomizu Temple) วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดในดวงใจของใครหลายๆคน โดยจากจุดจอดรถ ระหว่างทางก่อนถึงตัววัดเราจะต้องเดินผ่าน “ถนนสายกาน้ำชา” ซึ่งในอดีตถนนแห่งนี้เต็มด้วยร้านเครื่องปั้นดินเผา ส่วนปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นถนนขายของฝาก ขนม ตุ๊กตา สินค้าโอทอป และของที่ระลึกต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวในบรรยากาศของบ้านเรือนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอันสุดแสนคลาสสิก |
||||
พ้นจากถนนสายน้ำชาที่วันนี้กลายเป็นถนนดูดเงินนักท่องเที่ยวก็จะถึงยังปากทางเข้าวัดคิโยมิสึที่มีซุ้มประตูสไตล์ญี่ปุ่นสีแดงตั้งตระหง่าน |
||||
|
||||
วัดคิโยมิสึตั้งอยู่บนไหล่เขา มีพื้นที่กว้างใหญ่ ภายในวัดร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ มีสิ่งก่อสร้างสำคัญเป็นไฮไลต์คือ “วิหารหลัก” เป็นวิหารไม้ขนาดใหญ่ภายในเป็นที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นคารพนับถือกันมากเพราะเชื่อว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ที่วิหารหลักยังมีระเบียงใหญ่กว้างขวางสร้างยื่นออกไปจากภูเขาสูงกว่า 12 เมตร ตัวระเบียงรองรับด้วยเสาไม้ต้นใหญ่ๆ 139 ต้น และคานไม้ยักษ์อีกมากมาย |
||||
ณ บริเวณระเบียงอันอลังการนี้ หากมองไปทางฝั่งเมืองจะเห็นเกียวโต ทาวเวอร์ตั้งตระหง่าน ส่วนหากมองมาทางฝั่งวัดจะเห็นองค์เจดีย์สีแดงตั้งเด่นขึ้นมาในแมกไม้อยู่ไกลๆ แต่เราสามารถเดินไปชมได้ ส่วนถ้ามองลงไปเบื้องล่างก็จะเห็นหลังคาของอาคารต่างๆ และมุมดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนมารอต่อคิวกันเพียบเลย |
||||
ศาลเจ้าจิชู (Jishu) อันเป็นที่สิงสถิตของเทพแห่งความรักที่หนุ่มสาวมักมาขอพร ซึ่งที่บริเวณศาลเจ้ายังมี “ก้อนหินแห่งความรัก” ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าจิชูเป็นก้อนหิน 2 ก้อนตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 18 เมตร เชื่อกันว่าถ้าใครหลับตาแล้วสามารถเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ก็จะสมหวัง ซึ่งก็มีคนมาลองกันไม่น้อย การเดินหลับตาพิสูจน์รักนี่ทำให้ใครหลายๆ คนเรียกหิน 2 ก้อนนี้ว่า “หินตาบอด” เพราะต้องหลับตาเดิน ขณะที่ “ตะลอนเที่ยว” เมื่อเห็นคนมา(ลอง)เดินหลับตาพิสูจน์รักที่นี่แล้วก็อดนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” ไม่ได้ |
||||
จากวัดเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสกับเสน่ห์สีสันแห่งศรัทธาของศาลเจ้าที่มีอยู่ทั่วเกียวโตกันบ้าง สำหรับหนึ่งในศาลเจ้าที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมืองก็คือ “ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ” ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่ชาวนาสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 711 เพื่อถวายแด่เทพเจ้าจิ้งจอก ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นทูตสวรรค์ผู้คอยส่งสารของเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว ดังนั้นภายในศาลเจ้าแห่งนี้จึงมากไปด้วยรูปปั้นของเทพเจ้าจิ้งจอก ให้คนได้กราบไหว้กัน นอกจากนี้ที่นี่ยังสร้างเพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของแม่โพสพที่ช่วยให้เกิดผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์ |
||||
|
||||
|
||||
ในเกียวโตยังมีมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอีกมากมายให้สัมผัส ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว“ ขอคัดสรร 5 วัดอันโดดเด่นที่ไม่ควรพลาดมาบอกเล่าสู่กันฟังดังนี้ วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple) เป็นวัดที่สงบ เรียบง่าย ท่ามกลางแมกไม้อันร่มรื่น แท่ทว่าวัดนี้กลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยสวนหินแบบเซนที่แฝงปรัชญาให้ผู้พบเห็นได้ศึกษาตีความเพื่อเข้าถึงหลักธรรมกัน |
||||
วัดเท็นริวจิ(Tenryuji Temple) เป็นวัดนิกายเซนแห่งแรกของญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1994 วัดเท็นริวจิมีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเกียวโต ภายในวัดมีสวนโซเง็นซิ สวนแบบญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่างดงามดุจภาพวาด |
||||
วัดกิงคะคุจิ (Ginkakuji) เป็นวัดคู่กับวัดคิงคะคุจิเพราะที่นี่มีศาลาเงินที่หุมด้วยแผนเงินทั้งหลังซึ่งสร้างให้สอดรับกับศาลาทอง อีกทั้งภายในวัดยังมีสวนหิน และมีถนนสายปรัชญายาวกว่า 2 กิโลเมตรที่สร้างเชื่อมต่อระหว่างวัดกิงคะคุจิกับวัดนันเซ็นจิ |
||||
นี่ก็คือเสน่ห์เพียงบางส่วนของเมืองเกียวโต อดีตเมืองหลวงเก่าอันสุดคลาสสิกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายชนิดที่หากจะเที่ยวกันแบบละเอียดเจาะลึกคงต้องใช้เวลากันเป็นเดือน สำหรับทริปนี้แม้เราจะใช้เวลาที่เกียวโตไม่นานเพียงไม่กี่วัน แต่เสน่ห์ของเมืองนี้ยังคงตราตรึงใจ อีกทั้งยังได้สัมผัสกับสุภาพน่ารักของชาวเมือง ความสะอาดสะอ้าน ความมีระเบียบวินัย ความมีสปิริต และความมีจิตสาธารณะ ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว” เอง ก็ได้แต่ฝันว่า สักวันหนึ่งเมืองไทยจะมีสิ่งดีๆ ที่กล่าวมาเหมือนที่ญี่ปุ่นบ้าง |
||||
**************************************** เกียวโต เป็น 1 ใน 4 เมืองสำคัญในภูมิภาคคันไซของประเทศญี่ปุ่น ที่นอกจากเกียวโตแล้วก็ยังมีนาระหรือนารา-เมืองหลวงแห่งแรก โกเบ (จังหวัดเฮียวโงะ)-เมืองท่าสำคัญ และโอซากา-เมืองศูนย์กลางการค้า ซึ่งล่าสุดสายการบิน “ทรานส์ เอเชีย”(TransAsia) ได้เปิดเส้นทางใหม่ “สุวรรณภูมิ-โอซากา” (สนามบินคันไซ) ด้วยเครื่อง Airbus 330 จำนวน 300 ที่นั่ง พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับการเดินทางจากเมืองไทยสู่โอซากาของสายการบินทรานส์ เอเชีย จะต้องไปต่อเครื่องที่ไต้หวัน โดยมีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพฯ ไปยังไทเป ไต้หวัน ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน จากนั้นจึงต่อเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปสู่โอซากา หรือเมืองอื่นๆ ตามที่สายการบินทรานส์ เอเชียเปิดเส้นทาง อาทิ โตเกียว, ซัปโปโร, โฮกินาวา, นาริตะ หรือที่ประเกศเกาหลี เช่น ปูซาน เชจู เป็นต้น ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2308-2701-2,02718-1839 ต่อ 2 |
||||
*************************************************
|
ที่มา: Manager-online
ความหมาย : ป่วย,ไม่สบาย